หลังจากที่เริ่มศึกษาข้อมูลการเทรด Forex มาแล้ว ก่อนที่จะเริ่มมีระบบเทรด ควรจะต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า การเทรดและช่วงเวลาที่สามารถใช้ในปัจจุบันเหมาะสมกับการเป็นนักเทรดสายไหน ถือสั้นหรือถือยาว แล้วจึงเน้นพัฒนาระบบเทรดตามสไตล์การเทรดให้เหมาะตัวเอง มาดูกันว่าประเภทการเทรดมีอะไรบ้าง
Scalping ซื้อและขายแบบเข้าออกไว
กลยุทธ์ Scalping เป็นการเก็บกำไรแบบสั้นทีละน้อยๆ กำไรน้อยแต่เน้นเข้าบ่อย ถ้าหุ้นปกติทั่วไปก็จะนับกันเป็นจุด หากเป็น Forex (ฟอเร็กซ์) จะนับเป็น pip ไม่เน้น RR ที่สูง เพราะกลยุทธ์จะใช้การเข้าออกที่ไวมาก เน้นทำกำไรจากการสวิงของราคา
การเทรดแบบ Scalping เหมาะกับใคร
การเทรด Scalping จะเหมาะกับคนที่ชอบเข้าไว ออกไว มีเวลาเทรดน้อยต่อวัน มีงานประจำ สามารถโฟกัสการเทรดได้เป็นช่วงเวลา ทำกำไร หาจุดเข้าใน Low Time Frame (LTF)
การเทรดแบบ Scalping ใช้เทคนิคอะไรบ้าง
การเทรด Scalping มักจะใช้อินดิเคเตอร์ในการหาจุดเข้า เช่น Moving Averange, Stochastic 5, 3, 3 และ 50 EMA, 100 EMA เป็นต้น ใช้งานง่าย ไม่ยากจนเกินไป สามารถนำมาใช้ได้จริง
ข้อดี
- กำไรได้ในระยะสั้น
- เทรดได้ตลอดเมื่อกราฟเข้าเกณฑ์
- เรียนรู้ได้รวดเร็ว
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับกองทุนฟอเร็กซ์ (Forex Fund) เพราะเล่นถี่ ค่าธรรมเนียมสูง (แต่หากชำนาญแล้วก็สามารถออก Lot ที่คุ้มค่าได้)
- Risk/Reward ต่ำ เช่น 1:1, 1:15 เป็นต้น
Day Trading ซื้อและขายหุ้นในวัน
หาจังหวะเข้าออเดอร์จากการขึ้นลงของกราฟในวัน โดยมักจะเทรดในช่วงเวลาของแต่ละ Time Zone (โฟกัสช่วงเวลา) ไม่ถือออเดอร์ข้ามวัน หรืออาจจะหาจังหวะเทรดในวันนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ปล่อยออเดอร์ข้ามวัน สายนี้จะต้องมีเวลาดูตลาดทั้งวันเพราะดูการเคลื่อนไหวในระดับชั่วโมง (H1) เน้นทำกำไรที่มากขึ้นมี RR ที่มากกว่าหรือเท่ากับ Scalping Trading
การเทรดแบบ Day Trading เหมาะกับใคร
การเทรด Day Trading เหมาะกับผู้ที่มีเวลาซื้อขายตลอดวัน มีเวลาให้กราฟ วิเคราะห์กราฟอย่างสม่ำเสมอ เพราะต้องสังเกตุพฤติกรรมที่มีนัยยะของกราฟในแต่ละชั่วโมงนั่นเอง
การเทรดแบบ Day Trading ใช้เทคนิคอะไรบ้าง
การเทรด Day Trading ส่วนใหญ่จะเริ่มเรียนรู้ระบบ Setup เทคนิคอลในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างระบบ Setup จุดเข้าออเดอร์ของตัวเองตั้งแต่การเทรดกราฟเปล่า, RTM, SMC, Elliott Wave, Dow Theory หรือผสมผสานกัน จนทำให้เกิดจุดเข้าออเดอร์ที่สมบูรณ์แบบในฉบับตัวเอง
ข้อดี
- ไม่เสี่ยง หากมีราคาหรือข่าวที่เกิดในช่วงข้ามวัน
- ใช้หลาย Time Frame ในการวิเคราะห์ประกอบได้
- สร้างผลกำไรใน RRR ที่ดี
- คำนวณ RRR ได้ด้วยการ คาดการณ์ Pending Order บน Trading View
ข้อเสีย
- ต้องเฝ้ากราฟอยู่ตลอด (ตั้งแจ้งเตือนแทนได้)
- ศึกษาระบบเทรด หาระบบที่เหมาะสมกับตัวเอง
- มีความกดดันสูงในการวางแผน รอและการเข้าเทรด
Swing Trading ซื้อตอนย่อ ขายตอนเด้ง
Swing Trading จะเล่นไปตามแนวรับและแนวต้านสำคัญ สายเก็บกำไรระยะสั้นถึงปานกลางตามการขึ้นลงของกราฟ โดยจะเข้าออเดอร์ตามแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ดู Time Frame ที่ใหญ่ ต้องมีความอดทนรอจนกว่ากราฟจะมาถึงสวิงที่น่าเล่นให้ได้ อาจจะใช้ Elliott Wave, Dow Theory เป็นหลักแล้วตามด้วยระบบเทรด Forex ต่างๆ เช่น นำเทคนิค PA และ Chart Pattern มาช่วย เป็นต้น โดยจะมีโอกาสถูกทาง (ชนะตลาด) มากกว่า 60-80% ถือแต่ละครั้งประมาณ 3-14 วัน
การเทรดแบบ Swing Trading เหมาะกับใคร
การเทรด Swing Trading จะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาวางแผนและคอยดูข่าวตามตาราง อดทนต่อการลากของกราฟได้ มีพอตที่ขนาดใหญ่ปานกลางไปจนถึงใหญ่จะทำกำไรได้มากกว่า รับความเสี่ยงได้ดีกว่า เนื่องจากต้องถือข้ามวัน แต่เราสามารถกำหนดความเสี่ยงด้วย SL
การเทรดแบบ Swing Trading ใช้เทคนิคอะไรบ้าง
สามารถใช้เทคนิคได้ทุกๆ รูปแบบ แต่จะต้องแม่นยำในเรื่องของแนวรับแนวต้าน เทรนด์ไลน์ และดู Time Frame ใหญ่ เป็นหลัก ซึ่งถือว่าต้องใช้ความอดทนในการเทรด รันกำไรได้แบบยาวๆ (Let Profit Run)
ข้อดี
- Win rate และ RRR สูง
- ไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเวลา
- เหมาะกับตลาดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะตลาด Side way
ข้อเสีย
- ต้องอดทนรอจุดที่มีแนวรับและแนวต้าน
- มีความเสี่ยงในการถือข้ามวันหรือข้ามสัปดาห์
Big Trend Following กินคำโต ถือยาวตามเทรนด์
Position Trading เทรดตามแนวโน้ม คำใหญ่ กำไรจำนวนมากต่อออเดอร์ รอจังหวะเข้านาน สวนใหญ่จะใช้ Day TF เป็นตัวกำหนดหลัก และเทรนด์ไลน์ใน HTF พอตยิ่งได้เปรียบ เพราะอาจจะต้องทนการลากของกราฟ แต่หากกราฟวิ่งถูกทางก็จะได้กำไรจำนวนมาก กินคำโตได้เลยทีเดียว
การเทรดแบบ Big Trend Following เหมาะกับใคร
การเทรด Big Trend Following จะต้องรอจนกว่ากราฟจะวิ่งมาหาเส้นเทรนด์ไลน์ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีเวลาน้อยแค่ไหนก็สามารถวางแผนเทรดและ Pending Order ไว้ได้ โดยไม่ต้องกังวล
การเทรดแบบ Big Trend Following ใช้เทคนิคอะไรบ้าง
การเทรด Big Trend Following จะไม่มีเทคนิคไหนตายตัวแล้วแต่เทรดเดอร์คนนั้นๆ หยิบขึ้นมาใช้งาน สำหรับเทรดเดอร์ระดับโลกใช้เทคนิค EMA 20, 50, 100 แบบรายเดือนประกอบก็ยังสามารถทำกำไรมหาศาลได้ แต่ก็ต้องประกอบไปด้วยเทคนิคอื่นๆ และประสบการณ์ในการเทรดมาอย่างยาวนานเช่นกัน ซึ่งเทคนิคอื่นๆ ก็สามารถนำมาปรับเล่นได้ เหมาะกับคนชอบถือยาวไม่วุ่นวาย
ข้อดี
- มีโอกาสทำกำไรคำโต คำเดียวแต่ได้กำไรมหาศาล
- ไม่เสียเวลาจ้องจอนานเกินไป
ข้อเสีย
- ใช้ความอดทนสูงในการรอกราฟเคลื่อนที่มาจุดเข้าออเดอร์
- บางบัญชีมีค่า Swap ที่แพง
4 รูปแบบ สายการการเทรดเป้นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น นักเทรดเดอร์บางคนก็ปรับเปลี่ยนให้กลยุทธ์เหมาะสมกับตัว และยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งการที่จะทำความรู้จักสายเทรดของตัวเองและเรียนรู้พัฒนา ระบบการเทรดในตลาด Forex นี้ให้ดีที่สุดเพื่อการทำกำไรระยะยาวด้วยการวางแผนและทำตามระบบนั้นๆ